การนำหลักธรรมใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต
การพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยหลักธรรม หมายถึงการนำหลักธรรมของพระพุทธศาสนามาปฏิบัติเพื่อให้มีคุณภาพชีวิต
คือ ความสามารถในการดำรงชีวิตด้วยคุณภาพและจริยธรรมสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ มีความสามารถในการทำงาน
ประกอบอาชีพสุจริต มีความมั่นคง มีศักยภาพในการแก้ปัญหา โดยยึดหลักไตรสิกขา
ซึ่งประกอบด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ดังนี้
1. ศีล คือ การฝึกฝนพัฒนาทางด้านพฤติกรรม
ศีลแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
1.1 ปาฎิโมกข์สังวร คือ
การรักษาวินัยในชุมชน เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยความเป็นระเบียบ
การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความสามัคคี ความรับผิดชอบ
1.2 อินทรียสังวร คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย
ใจ ในสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์ เกิดปัญญา
1.3 อาชีวปาริสุทธิ คือการประกอบอาชีพสุจริต
เป็นพฤติกรรมหลักในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เป็นประโยชน์ต่อสังคม
1.4 ปัจจัยปฏิเสวนา คือการเสพ บริโภค
ด้วยปัญญา พัฒนาพฤติกรรมในการเสพบริโภค ไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อชีวิต
สังคมและสิ่งแวดล้อม
2. สมาธิ หมายถึง การฝึกฝนพัฒนาในด้านจิตใจ
มีความสุขสงบ ละเอียดลึกซึ้ง นำไปสู่การพัฒนาตนในด้านต่างๆดังนี้
2.1 พัฒนาคุณธรรม ทำให้จิตใจมีความดีงาม
มีความเมตตากรุณา มีความรักความปรารถนาดี อยากให้ผู้อื่นมีความสุข
2.2
พัฒนาจิตใจ การฝึกฝนพัฒนาจิตใจทำให้มีความเข้มแข็ง หนักแน่น มีความใฝ่รู้อย่างสร้างสรรค์
ใฝ่ดี มีความเพียร
2.3 พัฒนาความสุข
ทำให้เป็นคนสดชื่นเบิกบานใจ อิ่มใจ เกิดความสงบเย็น เกิดความผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
3. ปัญญา หมายถึง ความรู้
ความเข้าใจที่ถูกต้องตามความเป็นจริง การพัฒนาปัญญาทำให้เกิดความรับรู้ที่ถูกต้องตามความเป็นจริง
การพัฒนาปัญญาถือว่ามีความสำคัญสูงสุด และยังเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
เพราะปัญญาเป็นเครื่องนำทาง ควบคุมพฤติกรรม และจิตใจ ปัญญามีความสำคัญดังนี้
3.1
ปัญญาที่ช่วยในการดำเนินชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีความรู้ ความเข้าใจเกิดการเรียนรู้ตามความถูกต้อง
3.2 ปัญญานำไปสู่ชีวิตที่ถูกต้องดีงาม
ทำให้เกิดความเข้าใจในเรื่องต่างๆอย่างถูกต้อง
3.3 ปัญญาช่วยบรรลุจุดหมายสูงสุดของชีวิต
ทำให้จิตใจหลุดพ้น เป็นอิสระและศานติสุขพระราชวรมนุ ได้แบ่งปัญญาออกเป็น 3 ประการ คือ
1. สุตมยปัญญา หมายถึง ความรอบรู้
ที่รู้จริง รู้ลึก และรู้รอบ ด้วยการรับข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
2. จินตามยปัญญา หมายถึง
ความรอบรู้จากการคิดวิเคราะห์ข้อมูล สามารถคิดได้ถูกต้องตามความเป็นจริง
3. ภาวนามยปัญญา หมายถึง
ความรู้ที่เกิดจากการลงมือปฏิบัติหรือเกิดจากประสบการณ์ในการลงมือทำ
ปัญญาวุฑฒิ คือ การพัฒนาปัญญา ประกอบด้วย
1. สัปปุริสสังเสวะ คือ การคบคนดี หมายถึง
บุคคลที่เป็นกัลยาณมิตร บิดา มารดา ครู อาจารย์ ญาติพีน้อง
2. สัทธัมมัสสวนะ คือ การศึกษาคำสอนของคนดี
ศึกษาหาความรู้จากแหล่งข้อมูลที่ดี
3. โยนิโสมนสิการ คือ การคิดอย่างแยบคาย
หรือคิดตามแนวทางปัญญา การคิดอย่างแยบคาย สรุปได้
4 ประการ ดังนี้
3.1 อุปปายมนสิการ คือ การคิดถูกวิธี
ด้วยวิธีคิด วิธีวิจัยอย่างถูกต้อง
3.2 ปถมนสิการ คือ การคิดมีระเบียบ เป็นการคิดที่ตรงจุดหมายไปยังวัตถุประสงค์หลัก
3.3 กรณมนสิการ คือ การคิดอย่างมีเหตุผล
สามารถเชื่อมโยงเหตุและผลได้
3.4 อุปปาทกมนสิการ คือ การคิดเป็นกุศล
เป็นการคิดหาส่วนที่ดีมีประโยชน์
4. ธัมมานุธัมมปฏิบัติ คือ
การนำความรู้จากทฤษฎีมาสู่การปฏิบัติ จนสามารถปฏิบัติได้อย่างเชี่ยวชาญ
ฆารวาสธรรม 4ในการดำเนินชิตครอบครัวให้มีความสุข
มีความสำคัญต่อสังคมอย่างมากเพราะครอบครัวมีหน้าที่สร้างสมาชิกเข้าสู่สังคมมีปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตอย่างเพียงพอและเหมาะสม
การดำเนินชีวิตคู่ให้มีความสุข ต้องมีหลักธรรมสำหรับการครองเรือนตามหลักฆารวาสธรรม
4 ประการ คือ
1. สัจจะ หมายถึง ความซื่อตรงต่อกัน สามีภรรยาต้องมีความจริงใจต่อกันเป็นพื้นฐานของชีวิตรักต้องไม่ประพฤติตนเป็นคนไม่ซื่อสัตย์
มีความจริงใจต่อกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง
2. ทมะ หมายถึง การรู้จักข่มใจของตน
หรือการควบคุมอารมณ์ เมื่อเกิดเรื่องกระทบกระทั่งภายในครอบครัว
3. ขันติ หมายถึงความอดทนซึ่งเมื่อเผชิญปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นต้องมีใจเข้มแข็งหนักแน่น
อีกทั้งต้องอดทนต่อความยากลำบากในการทำงานประกอบอาชีพ
ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากจนประสบความสำเร็จในการทำงาน
4. จาคะ หมายถึง
การสละซึ่งสิ่งของแก่คนที่ควรให้ การใช้ชีวิตร่วมกัน ต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจใจที่ดี
มีความเสียสละ เอื้ออารีต่อคนในครอบครัว สามารถสละความสุขส่วนตัวให้แก่ครอบครัวได้การนำหลักธรรมมาใช้เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการทำงานพระครูวินัยธร
วัลลภ โกวิโล ได้กล่าวถึงหลักธรรมที่ปฏิบัติแล้วทำให้เกิดความสำเร็จในการทำงาคือ
อิทธิบาท 4 มีองค์ประกอบ 4 ด้านคือ
1. ฉันทะ หมายถึง ความพอใจ
ความรักในการทำงาน เป็นผลให้เกิดความพอใจ ความตั้งใจในการปฏิบัติงาน
การเอาใจใส่ระมัดระวัง การอุทิศเวลาเพื่อให้งานที่ตนทำมีคุณค่า
2. วิริยะ หมายถึง
ความเพียรพยายามที่จะทำงานให้ประสบความสำเร็จด้วยความมีกำลังใจเข้มแข็ง
3. จิตตะ หมายถึง การใฝ่ใจในการทำงาน
มีความรับผิดชอบ การเอาใจใส่ ทำให้เกิดความตั้งใจในการทำงาน
4. วิมังสา หมายถึง การพิจารณาโดยรอบด้าน
มีการใช้ความคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องการทำงาน ค้นหาวีที่ดีที่สุดในการทำงาน
อธิษฐานธรรม 4
เป็นหลักธรรมที่เสริมสร้างความสำเร็จในการทำงานตามความมุ่งหวังเป็นคุณธรรมที่ใช้ปัญญา
โดยการนำความรู้ความเข้าใจในการทำงาน มีการใช้วิจารณญาณด้วยความสุขุมรอบคอบ และทักษะในการปฏิบัติงานทำให้ผลงานมีประสิทธิภาพอธิษฐานธรรม
4 ประกอบด้วย
1. ปัญญา คือ ความรู้ความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ
ตามความเป็นจริง
2. สัจจะ หมายถึง ความจริง เป็นคุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต
3. จาคะ หมายถึง
ความเสียสละซึ่งเป็นคุณธรรมที่ถือปฏิบัติยาก เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่มักเห็นแก่ตัว
การที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่น สละความสุขตนเองเพื่อให้คนอื่นมีความสุขทำให้ความเห็นแก่ตัวลดลง
4. อุปสมะ คือ ความสงบ
หรือความสามรถในการระงับความขัดแย้ง เศร้าหมองภายในจิตใจ
ขจัดสิ่งที่ทำให้จิตใจขุ่นมัวการนำหลักทำมาใช้เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นการที่สังคมมีสถานภาพมั่นคงมีความสมานสามัคคี
เกิดความร่วมมือร่วมใจเพื่อให้สมาชิกอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้นั้น ย่อมเกิดจากพฤติกรรมของสมาชิกภายในสังคมที่มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
และสามารถปรับตนให้มีความสุขกับสภาพแวดล้อมที่ตนดำรงชีวิตหลักธรรมที่สร้างความสัมพันธ์ของบุคคลภายในสังคม
ได้แก่
สาราณียธรรม 6
หมายถึง ธรรมอันเป็นเหตุให้ระลึกถึงกัน ทำให้เกิดความเคารพนับถือและมีสัมพันธภาพที่ดีในการอยู่ร่วมกัน
1. เมตตากายกรรม คือ
การที่บุคคลปฏิบัติต่อกันด้วยความเมตตา
2. เมตตาวจีกรรม คือ
การสื่อสารทางวาจาด้วยเมตตา
3. เมตตามโนกรรม คือ
มีจิตใจหรือมีหรือมีความคิดที่เมตตาต่อบุคคลอื่น
4. สาธารณโภคี คือ การแบ่งปันทรัพย์สิน
ซึ่งเป็นการเกื้อกูลช่วยเหลือผู้อื่น
5. สีลสามัญญตา หมายถึง
การประพฤติตามกฎเกณฑ์ หรือตามระเบียบวินัย
6. ทิฏฐิสามัญญตา หมายถึง
การมีความเห็นร่วมกับผู้อื่น
พรหมวิหาร 4
พรหมวิหาร 4
เป็นคุณธรรมที่ผดุงรักษาสังคมมนุษย์ให้ดำรงอยู่ได้ด้วยดี เพราะมนุษย์ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบต่อสังคมพรหมวิหาร
4 ประกอบด้วย
1. เมตตา คือ
ความรักความปรารถนาดีอยากให้ผู้อื่นเป็นสุข
2. กรุณา คือ ความสงสารเห็นใจ
ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
3. มุทิตา คือ
ความชื่นชมยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีมีความสุข
4. อุเบกขา แปลว่า คอยดูหรือคอยมอง คือ
การวางเฉย และพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือเมื่อเกิดการเพลี่ยงพล่ำขึ้น
สังคหวัตถุ 4
สังคหวัตถุ 4
เป็นคุณธรรมที่คู่กับพรหมวิหาร 4 จัดว่าเป็นคุณธรรมภายในเมื่อมีการแสดงออกในระดับพฤติกรรม
ต้องใช้หลักสังคหวัตถุ 4 ซึ่งมีความหมายว่า การสังเคราะห์
การรวมเข้าด้วยกัน จัดว่าเป็นหลักธรรมในการสร้างมนุษยสัมพันธ์ประกอบด้วย
1. ทาน หมายความว่า การให้
การเผื่อแผ่แบ่งปัน การที่มนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นสังคม ต้องมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
1.1 อามิสทาน
การให้ทรัพย์สินหรือสิ่งของแก่บุคคลที่อยู่ในความเดือดร้อน การให้รางวัลเพื่อขวัญกำลังใจ
หรือการแสดงน้ำใจ
1.2 วิทยาทาน หรือธรรมทาน คือ การให้ความรู้
หรือคำแนะนำอันเป็นประโยชน์ต่อชีวิตและการทำงาน
1.3 อภัยทาน หมายถึง การให้อภัย ในการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ย่อมมีการกระทำที่มีผลกรทบต่อกัน
2. ปิยวาจา หมายถึง การพูดจาไพเราะ น่าฟัง
ด้วยความปรารถนาดีที่มีต่อกัน
3. อัตถจริยา หมายถึง
การทำตนให้เป็นประโยชน์ ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของตนและประโยชน์ของคนอื่น
4. สมานัตตตา หมายถึง การวางตนสม่ำเสมอ
สามารถวางตัวได้เหมาะสมถูกกาลเทศการใช้หลักธรรมเพื่อแก้ปัญหาและดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขการนำหลักธรรมมาใช้ในการแก้ปัญหาจากความทุกข์
สาเหตุแห่งปัญหา
1. ด้านเศรษฐกิจ
เกิดจากการล่มสลายทางเศรษฐกิจ และการกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรม รายได้ไม่พอกับรายจ่าย
2. ด้านสังคม การแข่งขันกันในการทำงาน
การดำเนินชีวิต การมุ่งที่จะสร้างฐานะทางเศรษฐกิจ
ทำให้ละเลยการมีชีวิตที่เรียบง่าย
3. ด้านครอบครัว ครอบครัวเป็นสังคมหน่วยย่อยที่เป็นรากฐานของสังคม
ถ้าปัญหาเกิดขึ้นในครอบครัว ย่อมส่งผลกระทบถึงสังคมในที่สุด
4. ด้านสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดความทุกข์
ความเครียด และปัญหาด้านสุขภาพอริยสัจ 4
หลักธรรมในการแก้ปัญหาให้พ้นจากความทุกข์
1. ทุกข์ คือ การกำหนดรู้ทุกข์
2. สมุทัย คือ
การค้นหาสาเหตุของปัญหาที่ทำให้เกิดความทุกข์
3. นิโรธ คือ การพิจารณาเพื่อดับทุกข์
4. มรรค คือ หนทางดับทุกข์ได้แก่ มรรถ 8 ประการ คือ
4.1 สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็น
หรือความเชื่อที่มีเหตุผล
4.2 สัมมาสังกัปปปะ คือ ความดำระชอบ
ความคิดที่ดีงาม
4.3 สัมมาวาจา คือ วาจาชอบ
4.4 สัมมากัมมันตะ คือ การกระทำชอบ
4.5 สัมมาอาชีวะ คือ การเลี้ยงชีพชอบ
4.6 สัมมาวายามะ คือ ความเพียรชอบ
4.7 สัมมาสติ คือ ความระลึกชอบ
การมีสติตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท
4.8 สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งมั่นด้วยจิตชอบ
คือความมั่นคงของจิตต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
หลักธรรมในการดำเนินชีวิตให้มีความสุขความสุขในทัศนะของพระพุทธศาสนาเกิดจากการดำรงชีวิตที่ถูกต้อง
ตามหลักธรรมชาติทั่วไปของโลกและความเป็นจริงแห่งชีวิต มีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมเหตุผลว่าสิ่งทั้งหลายเป็นไปตามเหตุปัจจัย
มิได้เป็นไปตามความต้องการของมนุษย์
คฤหัสถ์ 4
คฤหัสถ์ 4
เป็นความสุขของผู้ครองเรือน ประกอบด้วย
1. อัตถิสุข คือ ความสุขจากการมีทรัพย์
ซึ่งมาจากความพากเพียร อุตสาหะในการประกอบกิจการ
2. โภคสุข คือ
ความสุขจากการใช้จ่ายทรัพย์ที่หามาได้ เพื่อประโยชน์ของตนในการใช้จ่ายเพื่อดำรงชีวิต
3. อนวัตสุข คือ
ความสุขที่เกิดจากประพฤติสุจริต จัดว่าเป็นความสุขที่สูงสุด และมีความสุขมากที่สุดของหลักธรรมคฤหัสถ์
4 การประพฤติสุจริตทั้งกาย วาจา ใจ