วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

บทที่ 6 ผู้นำกับมนุษยสัมพันธ์


ความหมายของผู้นำ
ในการทำงานภายในองค์การหรือการทำงานเป็นกลุ่ม เพื่อดำเนินงานหรือกิจกรรมต่างๆ
จำเป็นต้องมีผู้นำกลุ่มซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจ
กำหนดปัญหาวางแผนและมีความรับผิดชอบเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายโดยเฉพาะออย่าง
ยิ่งทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ซึ่งจะช่วยให้ผู้นำบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ
บทบาทหน้าที่ของผู้นำ
1. พัฒนาประสิทธิภาพการทำงานขององค์การ
2. สร้างสัมพันธภาพภายในองค์การ
3. พัฒนาและควบคุมการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
4. ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม
5. การให้คำปรึกษาแนะนำ
บทบาทหน้าที่ของผู้นำในด้านการบริหารงาน มีภารกิจสำคัญ 5 ประการ ดังนี้
1. การวางแผน หมายถึงการกำหนดนโยบายและมาตรฐานเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย
2. การจัดองค์การ คือการกำหนดตำแหน่ง ระบุอำนาจหน้าที่
3. การแต่งตั้งบุคลากร คือการสรรหาบุคคลเข้ามาทำงานในตำแหน่งต่างๆ
4. การอำนวยการ คือการบังคับบัญชามอบหมายงาน การกระจายงานออกไปในแต่ละหน่วยงาน
 5. การควบคุม คือการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานในเรื่องผลผลิต คุณภาพ

บทบาทหน้าที่ของผู้นำในด้านมนุษยสัมพันธ์ มีหน้าที่หลักๆ ดังนี้
1. กระตุ้นให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีความมีความสนใจ และเต็มใจในการปฏิบัติงาน
2. แก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นกับบุคคลในขณะที่ปฏิบัติงาน
3. ทำให้พนักงานยอมรับในเรื่องการเปลี่ยนแปลง
4. มีการจูใจให้บุคคลทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดในงาน
5. อธิบายและถ่ายทอดแผนงานรวมทั้งการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการบริหารงาน
6. ส่งเสริมให้บุคคลสร้างความภูมิใจ ด้วยจิตใจและทักษะต่างๆ
คุณลักษณะของผู้นำ
1. เป็นผู้มีความรู้ความสามารถในการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ
2. เป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาด รอบรู้ ทันเหตุการณ์
3. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ พัฒนาตนเองและการทำงานอยู่เสมอ
4. มีความสุขุมคัมภีร์ภาพ ใช้วิจารณญาณในสิ่งต่างๆ
5. เป็นผู้ที่สามารถแสดงออกถึงความต้องการของตนเองได้อย่างเหมาะสม
6. มีความเชื่อมั่นในตนเอง สามารถปรับตัวและควบคุมได้ดีทุกสถานการณ์
7. มีความรับผิดชอบสูง
8. ยอมรับและรับฟังความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชา
9. เป็นผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเป็นที่รักใคร่ชอบพอ
10. เป็นผู้ที่มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน มีกำลังใจในการทำงานดี

อำนาจของผู้นำ
1. อำนาจในการให้สิ่งตอบแทน
2. อำนาจบังคับเป็นอำนาจในการลงโทษ
3. อำนาจตามกฎหมาย
4. อำนาจการอ้างอิง
5. อำนาจความเชี่ยวชาญ
แบบของผู้นำ
1. ผู้นำแบบเผด็จการ หรือแบบอัตตาธิปไตย
2. ผู้นำแบบประชาธิปไตย
3. ผู้นำแบบตามสบาย หรือแบบเสรีนิยม
ระดับของผู้นำและหน้าที่ความรับผิดชอบ
1. ผู้นำระดับสูง ได้แก่ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กรรมการผู้จัดการ ประธานบริษัท
2. ผู้นำระดับกลาง ได้แก่ รองประธานบริษัท ผู้จัดการแผนกต่างๆ
3. ผู้นำระดับต้นหรือผู้นำระดับแรกสุด ได้แก่หน้างาน มีหน้าที่ดำเนินงาน
ธรรมชาติความเป็นผู้นำ
1. ผู้นำแบบเป็นทางการ
2. ผู้นำแบบไม่เป็นทางการ
ทฤษฎีความเป็นผู้นำ
 ในการศึกษาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นผู้นำ ในด้านปัจจัยต่างๆ
องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับความเป็นผู้นำ ประสิทธิภาพของความเป็นผู้นำ
ลักษณะบุคลิกภาพที่เหมาะสม การตัดสินใจและแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ ของผู้นำดังนี้
1. ทฤษฎีเชิงคุณลักษณะ เกิดจากประสบการณ์และการเรียนรู้คุณลักษณะของผู้นำประกอบด้วย
1.1 คุณลักษณะทางร่างกาย ได้แก่ อายุ ส่วนสูง รูปร่าง น้ำหนัก
1.2 ภูมิหลังทางสังคม ได้แก่ การศึกษา สถานภาพทางสังคม
1.3 สติปัญญา ได้แก่ความสามารถ ดุลยพินิจ ความรู้ความเด็ดขาด การพูดจา
1.4 บุคลิกภาพ ได้แก่ความเชื่อมั่น ความตื่นตัว ความกระตือรือร้นความคิดสร้างสรรค์
1.5 คุณลักษณะในการทำงาน ได้แก่ ความต้องการความสำเร็จ ความขยันหมั่นเพียร
1.6 คุณลักษณะทางสังคม ได้แก่ ความเป็นที่ชื่นชมจากบุคคลอื่น มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีในการเข้าสังคมได้ดี
2. ทฤษฎีเชิงพฤติกรรม
เป็นแนวคิดมนการพิจารณาลักษณะการทำงานของผู้นำซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจที่มีอิทธิพลต่อผู้ใต้บังคับบัญชา ดังนี้
2.1 ทฤษฎีผู้นำแบบเผด็จการและผู้นำแบบประชาธิปไตย
2.2 ทฤษฎีความเป็นผู้นำเชิงพฤติกรรมศาสตร์
3. ทฤษฎีเชิงสถานการณ์ การพัฒนาแนวคิดในการศึกษาความเป็นผู้นำ
เกิดจากความเชื่อว่าความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมบางอย่าง
ได้มีผู้ศึกษาและสร้างเป็นทฤษฎีไว้หลายแนวคิดในที่นี้ขอกล่าวถึงบางทฤษฎี ดังนี้
3.1 ทฤษฎีเชิงสถานการณ์ของฟีลเดอร์ ทฤษฎีเชิงสถานการณ์ของฟิลเดอร์กล่าวว่าประสอทธิภาพความเป็นผู้นำขึ้นอยู่กับความสอดคล้องระหว่างบุคลิกภาพของผู้นำกับสถานการณ์
3.2 ทฤษฎีเชิงเส้นทางสู่เป้าหมาย เป็นทฤษฎีผู้นำเชิงสถานการณ์ที่มีแนวคิดว่าประสิทธิภาพของผู้นำขึ้นอยู่กับความสามารถในการจูงใจและตอบสนองความต้องการของพนักงาน
3.3 การเลือกพฤติกรรมของผู้นำ การใช้แนวคิดของทฤษฎีเส้นทางสู่เป้าหมาย เพื่อเลือกพฤติกรรมของผู้นำให้เหมาะสมจากลักษณะผู้นำสี่แบบ คือ ผู้นำแบบบงการผู้นำแบบสนับสนุน ผู้นำแบบมีส่วนร่วม และผู้นำแบบมุ่งความสำเร็จมนุษยสัมพันธ์กับความเป็นผู้นำผู้นำที่มีประสิทธิภาพในการทำงาน นอกจากจะมีความรู้ความเข้าใจในหลักการบริหารงานแล้ว ยังต้องสามารถสร้างมนุษยสัมพันธ์ให้เกิดขึ้นในการทำงาน ผู้นำที่มีปัจจัยมนุษยสัมพันธ์ที่ดีช่วยให้การทำงานปีประสิทธิภาพและบรรยากาศในองค์การมีความสุข ผู้นำควรใช้หลักมนุษยสัมพันธ์ในเรื่องต่างๆ ดังนี้
1. ผู้นำกับวีการติดต่อสื่อสาร
1.1 ให้การยกย่องชมเชย เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาทำความดี ปฏิบัติงานด้วยความอุตสาหะ ขยันขันแข็ง
1.2 เมื่อทำความผิดหรือบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ต้องแจ้งให้ทราบ หรือตำหนิเพื่อให้เกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
1.3 ในการสั่งงาน ควรมีการอธิบายรายละเอียดของงานให้ชัดเจน และมีการสั่งงานแบบเป็นลายลักษณ์อักษร
1.4 เป็นผู้พูดและผู้ฟังที่ดี
1.5 ไม่ว่ากล่าวผู้ใต้บังคับบัญชา หรือให้ร้ายลับหลัง
2. บุคลิกภาพของผู้นำ
2.1 ควรวางตนให้เป็นที่เชื่อถือ ไม่พูดโอ้อวด หรือพูดจาเพ้อเจ้อ
2.2 ควรเป็นผู้ที่มีความยุติธรรมวางตัวเป็นกลาง ไม่เข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
2.3 ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งในด้านการทำงาน และส่วนตัว ทำงานด้วยความซื่อตรง
2.4 สามารถควบคุมอารมณ์เหมาะสม ไม่ตื่นเต้นดีใจ หรือตกใจจนเกินไปเมื่อเกิดความโกรธผู้ใต้บังคับบัญชา
2.5 ผู้นำควรแต่งกายดี สะอาดเรียบร้อย เป็นผู้ที่มีกิริยามารยาทดี
3. ผู้นำกับการปฏิบัติงาน
3.1 การวางแผนการทำงาน แลการจัดลำดับของงานตามขั้นตอน

3.2 ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีโอกาสฝึกฝนพัฒนาความรู้ความสามารถในการทำงานโดยการส่งฝึกอบรมหรือศึกษาต่อ
3.3 สร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน
3.4 ผู้นำที่มีประสิทธิภาพต้องมีทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ต่อผู้ใต้บังคับบัญชาได้ดี
4. ผู้นำกับการให้คำปรึกษา ปัญหาที่เกิดขึ้นในหน่วยงานส่วนใหญ่ ได้แก่
4.1 ปัญหาในการปฏิบัติงาน
4.2 ปัญหาสัมพันธภาพระหว่างผู้ร่วมงาน
4.3 ปัญหาส่วนตัวที่มีผลกระทบต่อการทำงาน

4.4 ปัญหาที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมภายในและภายนอกองค์การ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น